คณะนักวิจัยจากโรงพยาบาลกลางนิวคาสเซิลของอังกฤษพบว่า ตุ๊กตาเด็กและตุ๊กตาหมีช่วยให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นภาวะสมองเสื่อมประเภทหนึ่งสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
คณะนักวิจัยเผยต่อที่ประชุมสมาคมจิตวิทยาอังกฤษว่า ได้สังเกตเห็นว่าผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีความผูกพันเอาใจใส่และพูดคุยกับตุ๊กตา ทั้งที่ปกติแล้วผู้ป่วยมักสูญเสียความสามารถทางสติปัญญา การเข้าสังคม และการแสดงอารมณ์ตามเวลาที่ผ่านไป งานวิจัยแนะว่าควรให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้มีปฏิสัมพันธ์หรือได้ดูแลบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขามีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของ เพราะดูเหมือนว่าตุ๊กตาช่วยลดความรู้สึกปั่นป่วนหรือซึมเศร้า ช่วยเอาชนะปัญหาในการสื่อสาร และช่วยลดการแยกตัวจากสังคม นอกจากนี้ ยังอาจใช้ตุ๊กตาเป็นสื่อรื้อฟื้นความทรงจำช่วงวัยเยาว์ของชีวิตผู้ป่วยได้ เช่น การนึกถึงบิดามารดา
คณะนักวิจัยศึกษากับผู้ป่วย 14 คน ที่บ้านพักคนชราในเมืองนิวคาสเซิล ผู้ป่วยได้รับตุ๊กตาเด็กหรือตุ๊กตาหมี ผลการประเมินหลังจากนั้น 12 สัปดาห์ พบว่าผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยอื่นดีขึ้น ผู้ป่วยบางคนที่ไม่เคยพูดเลยก็เริ่มพูดบ้าง นักวิจัยระบุว่ามีการคิดกันมานานแล้วว่าควรใช้ตุ๊กตาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยภาวะเสื่อมโดยไม่ต้องใช้ยา การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาผลระยะยาวของตุ๊กตา เห็นได้ชัดว่าตุ๊กตาไม่ได้ใช้เพื่อรักษาภาวะสมองเสื่อม แต่ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และหวังว่าสถานพยาบาลอื่นจะนำวิธีนี้ไปปรับใช้
ด้านสมาคมอัลไซเมอร์เห็นว่า ผลการศึกษานี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ การทำให้หวนรำลึกถึงความหลังและมีส่วนร่วมเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างช่องทางการสื่อสารกับผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมระยะปลาย อย่างไรก็ดี ตุ๊กตาอาจไม่ได้ผลกับผู้ป่วยทุกคน สถานพยาบาลควรเลือกกิจรรมที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน
