Friday, June 30, 2006

วิตามินนั้น ^___^ สำคัญไฉน


++++ขึ้นชื่อว่า วิตามิน ดูจะเป็นสิ่งน้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกับสารอาหารต่างๆที่ร่างกายควรได้รับ ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ

++++แต่ทราบหรือไม่ว่า ภายในร่างกายของเรานั้น วิตามิน เปรียบได้กับตัวจักรเล็กๆแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการที่จะทำให้การทำงานของระบบภายในร่างกายเป็นไปได้อย่างปกติ

วิตามินคืออะไร
---วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยแต่มีความจำเป็น ต่อการทำงานของร่างกายนับตั้งแต่การหายใจของเซลล์ การนำโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรท ไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อและผลิตพลังงานสำหรับการดำรงชีวิต นอกจากนั้นวิตามินยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่นการสร้างเม็ดเลือดแดง,การแข็งตัวของเลือด,การสร้างกระดูก การมองเห็นและการทำงานของระบบประสาท วิตามินจึงเป็นตัวจักรเล็กๆแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งร่างกายจะขาดเสียไม่ได้ บุคคลที่ปรารถนาจะมีสุขภาพแข็งแรงจึงควรได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายซึ่งจะเห็นได้ว่าตรงกับความหมายของวิตามิน (Vitamin)ซึ่งมาจากคำว่าVitaหมายถึงชีวิตรวมกับคำว่า Amin จึงหมายถึง สารอินทรีย์ที่สำคัญต่อชีวิต (Vita for life)

หากร่างกายขาดวิตามิน
----ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินขึ้นเองได้ หรือสร้างได้เพียงเล็กน้อย (วิตามินD)ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินต่างๆผ่านทางอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน หากร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอกับความต้องการ จะส่งผลให้สุขภาพเสื่อมลง และเมื่อได้รับไม่เพียงพอติดต่อกันไปนานๆจะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติได้

วิตามินเอ มีหน้าที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อช่วยการมองเห็น ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง อาการที่ปรากฎเมื่อขาด ติดเชื้อง่ายขึ้น มองไม่เห็นในที่มืด ผิวหนังแห้ง ลอกหลุดเป็นแผ่น วิตามินเอพบมากใน ผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง ตับ ไข่ นม และเนย

วิตามินบี1 ช่วยเสริมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตไปใช้เป็นพลังงาน มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท หัวใจ และทางเดินอาหาร อาการที่ปรากฏเมื่อขาด เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ชาตามมือและเท้าแขนขาไม่มีแรง วิตามินบี 1 พบมาใน ธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ถั่วต่างๆ งา ตับ

วิตามินบี2 เกี่ยวข้องในการหายใจของเซลล์ กระบวนการมองเห็น หน้าที่ของผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ผิวหนังอักเสบแผลที่มุมปาก หรือปากนกกระจอก วิตามินบี 2 พบมากในนม ไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียว

วิตามินบี6 การทำงานของระบบประสาท การสร้างเม็ดเลือด ช่วยรักษาสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด อ่อนเพลีย โลหิตจาง ชาปลายมือปลายเท้า วิตามินบี 6 พบมากใน เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ ปลา และยีสต์

วิตามินบี12 จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และการดูดซึมของทางเดินอาหาร อาการที่ปรากฏเมื่อขาด โลหิตจาง อ่อนเพลีย ความบกพร่องของระบบประสาทส่วนกลาง วิตามินบี 12 พบมากใน เนื้อสัตว์นม เนย

วิตามินซี ช่วยสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย การสร้างผิวหนัง กระดูก ฟันและหลอดเลือด อาการที่ปรากฏเมื่อขาด แผลหายช้า เลือดออกง่าย ฟันหลุดร่วงได้ง่าย วิตามินซีพบมากใน ผลไม้สดและผักสด

วิตามินดี ช่วยการดูดซึมแคลเซียมซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญของกระดูกและฟัน อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ปวดเมื่อย ปวดข้อและกระดูกอ่อน วิตามินดีพบมากใน ตับ เนื้อสัตว์ นม ไข่ เนย

วิตามินอี จำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ อาการที่ปรากฏเมื่อขาด มีผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อประสาท หัวใจ และหลอดเลือด วิตามินอีพบมากใน น้ำมันพืช ถั่วต่างๆ ผักเขียวปนเหลือง

กรดแพนโทธีนิค การทำงานของเนื้อเยื่อผิวหนัง คุณภาพของผม อาการที่ปรากฏเมื่อขาด ผมร่วง แผลหายช้า กล้ามเนื้อล้า กรดแพนโทธีนิคพบมากใน ไข่แดง ตับ ยีสต์ ผักใบเขียว

--ลองสังเกตดูว่า ในมื้ออาหารแต่ละวันนั้น เราขาดวิตามินอะไรบ้าง แล้วรีบทานเสริมให้ครบ ก่อนที่ร่างกายจะประท้วงด้วยอาการเจ็บป่วยนะจ๊ะ

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

Saturday, June 24, 2006

Poem : Precious Friend



Wednesday, June 14, 2006

แพะทำให้คนรู้จักดื่มกาแฟ


มนุษย์รู้จักต้นกาแฟมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 แต่เพิ่งมาทราบสรรพคุณของมันอย่างบังเอิญในศตวรรษที่ 9เมื่อนายคาลดี kaldi ชาวอาระเบีย สังเกตเห็นแพะที่ตนเองเลี้ยงเกิดอาการคึกคะนองไม่ยอมหลับนอน หลังจากไปกินใบ และผลของต้นกาแฟมาแล้วเขาก็ไปเล่าให้ ฮะยี โอเมอร์ Hadji Omer พระมุสลิมรูปหนึ่งฟังท่านจึงลองนำผลกาแฟมาคั่ว แล้วต้มดื่ม...

นับแต่บัดนั้น โลกก็รู้จักลิ้มรสกาแฟในฐานะเครื่องดื่มที่สร้างความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย
ล่วงถึงศตวรรษที่ 15 กาแฟก็เป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วแถบประเทศอาหรับ ก่อนที่จะขยายอาณาเขตไปถึงนครเวนิส เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ...ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่จนครอบคลุมทั่วโลก

กาแฟเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในปีพ.ศ.2447 เมื่อนายดีหมุน ชาวสวนผู้นับถือศาสนาอิสลามคนหนึ่งเดินทางไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย แล้วนำเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้ากลับเข้ามาทดลองปลูกในบ้านของตนเองที่ ต.บ้านโตนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จ จนมีผู้อื่นเจริญรอยตาม
ส่วนกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ที่นิยมดื่มกันทั่วโลกนั้น พระสารศาสตร์พลขันธ์ หรือ นายเจรินี ซึ่งเป็นชาวอิตาลี บันทึกไว้ว่าเริ่มปลูกกันในประเทศไทยในปี พ.ศ.2493

The Royal Barge


His Majesty’s barge

Subanahongsa The name Subanahongsa, or golden hamsa, refers to the swan-like mythical steed of the Hindu god Brahma, which first appeared in Thai lore during the Ayutthaya period. King Rama I ordered the Subanahongsa built soon after his accession to the throne in 1782.The vessel was in constant use as the principal royal barge until it became too old to be repaired. King Rama VI then commanded the construction of its successor, which was launched on November 13, 1911, and also named Subanahongsa.In state processions, the vessel carries either a spired throne or a roofed pavilion surrounded by court officials. The Subanahongsa was made from the trunk of a single teak tree. It is said that the master craftsman threw away all his tools after its completion and vowed never to work again. Whether this is true or not, Subanahongsa is the most majestic of all the royal barges. Its hamsa figurehead is raised in flight with eyes bulging prominently, nostrils flared, and fangs protruding from its grimacing mouth. The hamsa holds a crystal ball and tassel in its mouth and wears a garland and pendant around its neck. Its feathers, represented by gilded and mirrored ornamentation, appear to flow in the wind along the length of its body to its flame-like tail.

Friday, June 02, 2006

The King's pictures



The pictures by King's handiwork